john wayne gacy ฆาตกรตัวตลก ผู้ใช้ เสียงหัวเราะและบุคลิกใจดีบังหน้าเพื่อฆ่าคน

john wayne gacy อาชีพตัวตลกคืองานสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับผู้ฟัง เด็ก ๆ ส่วนใหญ่หลงรักตัวตลกเพราะพวกเขาใจดี บางคนชื่นชอบการดูโชว์ตลกเพราะอยากเจอเรื่องสนุกที่ช่วยทำให้หัวเราะได้แม้วันที่แย่ที่สุด หรือแค่ต้องการหัวเราะเยาะใครสักคนโดยไม่โดนโกรธ

รอยยิ้มสีแดงจากลิปสติกที่ซ่อนริมฝีปากกับใบหน้าที่แท้จริงไว้ กิริยาร่าเริง สดใส ละลายความหม่นหมองชั่วขณะชวนให้ผู้คนอยากทำความรู้จัก ทำให้ไม่เห็นจุดประสงค์แท้จริงที่บางครั้งอาจสวนทางกับการแสดงออกภายนอก เช่นเดียวกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ใช้หนทางการเป็นตัวตลกทำให้คนตายใจ ไม่ทันระวังตัวว่าภัยร้ายภายใต้เสียงหัวเราะกำลังพรากชีวิตไปตลอดกาล

ภูมิหลังน่าเศร้าของฆาตกรตัวตลก john wayne gacy

john wayne gacy เรื่องราวสะพรึงกลัวภายใต้ภาพลักษณ์ขบขันเป็นกันเองเริ่มต้นขึ้นราวช่วงปี 1970 มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ John Wayne Gacy ทำอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอยู่ในเมืองชิคาโก เขาเป็นที่รู้จักของคนในชุมชนด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นมิตร ชื่นชอบการช่วยเหลือสังคม เมื่อมีเวลาว่างจากการทำงาน พ่อพระอย่าง John Gacy ก็ไม่รอช้าใช้เวลาให้คุ้มค่าด้วยการแต่งตัวเป็นตัวตลกสร้างเสียงหัวเราะให้กับเด็ก ๆ ตามโรงพยาบาล ร่วมเดินขบวนพาเหรด ทำให้เขาถูกเรียกว่า “ตัวตลก Pogo”

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือภาพจำของคนทั่วไปเกี่ยวกับ John Gacy สุภาพบุรุษใจบุญผู้ไม่มีพิษมีภัย แต่เบื้องหลังชีวิตที่เขาไม่ได้นำเสนอกลับเต็มไปด้วยความดำมืด John เติบโตมาในครอบครัวขนาดกลาง เป็นลูกชายคนที่สองจากทั้งหมดสามคน โดยมีพ่อผู้เคยรับหน้าที่ทหารช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งต่อมาหลังปลดประจำการได้เปิดร้านซ่อมรถยนต์เลี้ยงชีพ

พ่อของ John มักใช้ความรุนแรงกับเขา กิจกรรมยามว่างคือการฟาดลูกชายด้วยเข็มขัดหนังเต็มแรง หรือฟาดเขาด้วยด้ามไม้กวาดที่ศีรษะจนหมดสติ เพราะเขามองว่าเด็กผู้ชายที่แท้จริงจะต้องมาดแมนสมชายชาตรี แต่ลูกชายคนที่สองอย่าง John กลับผอมแห้งบอบบางและมีท่าทางตุ้งติ้งคลายเด็กผู้หญิง ซึ่ง John วัยเด็กก็ยอมให้พ่อทุบตีไปพร้อมกับพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าเขาก็สามารถเป็นลูกที่พ่อภูมิใจ

แม้ John จะพยายามทำทุกอย่างทั้งตั้งใจเรียน เป็นลูกที่ดี ทำงานพิเศษหลายอย่าง มีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชน จนผู้คนมองว่าบ้าน Gacy โชคดีที่มีลูกชายที่น่ารัก แต่บรรยากาศในบ้านก็ไม่มีอะไรดีขึ้น พ่อชอบด่าทอเขาด้วยคำพูดแรง ๆ และทุบตีเขาเหมือนเดิม

เขาถูกสาดคำพูดแย่ ๆ อย่าง “ไอ้หน้าโง่” “ไอ้ลูกแหง่” หรือ “เด็กไร้ประโยชน์” อยู่เสมอ แถมบางครั้งตอนที่เขาเข้ามาปกป้องแม่ พ่อก็จะด่าเขาว่า “ไอ้กะเทย”

จากเด็กผอมแห้งที่เต็มไปด้วยความเครียดจากการถูกทารุณ John เริ่มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งก็มีอาการชักและหมดสติที่โรงเรียน แต่พ่อก็ยังคิดว่าเขาแกล้งทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ

เมื่อ John เป็นหนุ่ม เขาสามารถหลุดพ้นจากบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำเลวร้ายของเขากับพ่อ John ย้ายไปอยู่เมืองวอเตอร์ลู แต่งงานมีครอบครัวที่ดี มีลูกที่น่ารัก ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี แต่บาดแผลวัยเด็กที่พ่อสร้างไว้กลับไม่หายไป John ชายใจบุญมีรสนิยมที่ผู้คนยุค 70 ไม่ยอมรับ เขาชื่นชอบเด็กผู้ชายหน้าตาดี และแสดงออกด้วยความรุนแรง ทั้งทำอนาจารเด็กลูกจ้างในร้านอาหารของภรรยาหรือบีบคอเด็กหากพวกเขาไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย

เด็กหนุ่มจำนวนมากในเมืองวอเตอร์ลูแจ้งความว่าถูก John กระทำอนาจาร จากพยานกับหลักฐานที่แน่นหนาทำให้เขาถูกจับและเมื่อต้องต่อสู้กันในชั้นศาลเขาก็ไม่วายจ้างคนไปรุมกระทืบโจทก์จนต้องจำคุกอนาโมซา 10 ปีด้วยข้อหาลวนลามและทำร้ายร่างกายเด็ก ด้านภรรยาก็ฟ้องหย่าหอบลูกหนีไป ทำให้เขากลายเป็นชายที่สูญสิ้นทุกอย่างในชั่วพริบตา

หลัง John ออกจากคุกเมื่อปี 1970 (ติดคุกแค่สองปีเพราะยื่นเรื่องขอทำทัณฑ์บน) เขาเริ่มตระหนักว่าการพุ่งเข้าไปพูดจาลามกหรือทำอนาจารเด็กผู้ชายคงทำให้เขาต้องกลับไปอยู่ในตารางอีกครั้ง จึงมองหาลู่ทางอื่นเพื่อเข้าใกล้เด็กได้ง่าย ๆ โดยที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว และต้องไม่ทิ้งร่องรอยให้ใครจับได้

การสังหารครั้งแรก

ชีวิตในเรือนจำไม่ทำให้ John รู้สึกผิดหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขากลับมองว่ามันคือหนึ่งบทเรียนที่ต้องไม่ทำพลาดซ้ำสอง หลังออกจากคุกเขาตัดสินใจกลับไปอยู่กับแม่ที่ชิคาโกตามเดิม แต่ต่อมาไม่นานในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1971 เขาก็ถูกจับกุมอีกครั้งด้วยข้อหาลักพาตัวและพยายามข่มขืนเด็กแถวป้ายรถเมล์ ทว่าคดีนี้เขาไม่ได้รับทัณฑ์บนใด ๆ เนื่องจากช่องว่างทางกฎหมายแต่ละรัฐในยุคนั้น ประกอบกับผู้เสียหายไม่ยอมให้ปากคำในชั้นศาล

John แต่งงานใหม่อีกครั้งกับสาวแม่หม้ายแต่ถูกขอหย่าอย่างรวดเร็วเพราะเธอมารู้ทีหลังว่าสามีแต่งงานกับเธอเพื่อบังหน้าเท่านั้น John ไม่ยอมร่วมรักกับเธอเพราะเขาไม่ชอบการเสพสมกับผู้หญิง แม้ชีวิตรักของเขาจะล้มเหลวแต่ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาคนอื่นกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง เขายังเป็นชายทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีฝีมือการทำอาหารดีเยี่ยม เป็นนักจัดปาร์ตี้มือทอง และเป็นตัวตลก Pogo ที่คอยช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ

การสังหารครั้งแรกของ John Gacy เกิดขึ้นปี 1972 ขณะที่เขาเมาปลิ้นอยู่ในผับแห่งหนึ่งและมองหาเด็กหนุ่มหน้าตาดีสักคนมาเป็นเพื่อนร่วมเตียง เด็กผู้โชคร้ายคนนั้นชื่อ Timothy McCoy เพราะหลังจากที่ทั้งคู่ร่วมเพศกันแล้ว สิ่งที่ John เห็นเมื่อตื่นลืมตาขึ้นมาคือภาพเด็กหนุ่มกำลังถือมีดทำครัวเดินมาหา จึงพาลคิดว่าตนอาจจะโดนทำร้าย

เขาชิงแย่งมีดในมือ Tim แล้วแทงเด็กหนุ่มจนเสียชีวิต แต่สุดท้ายกลับได้รู้ว่าเข้าใจผิด เพราะเด็กหนุ่มกำลังทำอาหารและถือมีดเดินมาปลุกเพื่อเรียกกินข้าวเช้าด้วยกัน

“พอได้ฆ่าคนครั้งแรกก็ทำให้รู้ว่าความตายเป็นเรื่องที่โคตรตื่นเต้น”

แม้เขาจะรู้เจตนาดีของเด็กหนุ่มแล้ว แต่ Tim ก็จะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก John จึงตัดสินใจนำร่างไร้วิญญาณไปฝังไว้บนเนินเขา เมื่อปลดล็อกการฆ่าครั้งแรกที่ทำให้รู้ว่าการฆ่าคนมันช่างแสนง่าย เขาจึงจดจ่ออยู่กับความรู้สึกอยากสังหารเด็ก ๆ และคอยหาเหยื่อมาตลอด 7 ปี

THE KILLER CLOWN

คนคนหนึ่งจะใช้เวลา 6 ปี ฆ่าคนได้กี่คน ? คำตอบคือ John Gacy สังหารเด็กหนุ่มไปราว 33 คน เขาเสพสมกับเด็กผู้โชคร้าย กลบเกลื่อนหลักฐานอย่างแยบยล บางร่างถูกฝังไว้ตามเนินเขา บางร่างก็ถูกฝังไว้ในพื้นโรงรถและฉาบคอนกรีตทับไว้ สวนหลังบ้าน ทะเลสาบ ร่างไร้วิญญาณบางร่างถูกขายต่อให้กับคนที่วิปริตเหมือนกับเขา และมีเหยื่อมากถึง 29 ศพ โดนฝังไว้รอบ ๆ พื้นที่บ้านของเขาเอง

หากความตายนั้นน่าเศร้า ขอบอกเลยว่าการทรมานอย่างแสนสาหัสก่อนสิ้นใจเศร้ายิ่งกว่า เหยื่อทั้งหมดของ John ถูกข่มขืนทางทวารหนัก บ้างก็ถูกปัสสาวะรดบนร่างกาย ถูกลากไปกับพื้น จับหน้ากดในโถชักโครก ถูกทุบตี บางคนถูกเผาหน้า จับแขวนห้อยหัว บังคับให้ดูหนังโป๊ทั้งที่ร่างกายเพิ่งถูกทำร้าย หรือทำให้จิตตกขั้นสุดด้วยการเล่นเกมรัสเซียนรูเล็ตและมาเฉลยกับเหยื่อว่าปืนที่ใช้เล่นเป็นของปลอม การกระทำป่าเถื่อนทั้งหมดทรมานเหยื่ออย่างแสนสาหัสเหล่านี้สร้างความสนุกสุดขีดให้กับ John Gacy

ตลอดเวลา 6 ปี ที่ John Gacy ก่อเหตุลักพาตัว ข่มขืนและฆาตกรรม เมืองนี้ก็เกิดคดีเด็กหายสาบสูญลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วน บางคน John ได้ปล่อยตัวออกจากห้องทรมาน กระนั้นอิสระที่เหยื่อได้ก็ยังไม่สามารถเอาผิดอะไร John เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อคำพูดของเด็กท่าทางเกเรเสียสติที่ใส่ความว่า John Gacy หัวคะแนนของพรรคการเมืองดังคือผู้กระทำวิปริตกับเขา ไม่มีใครเชื่อว่าชายผู้ใจบุญคือต้นตอของความเลวร้าย ถึงบางคนจะนำเรื่องนี้ไปบอกครอบครัวจนต้องขึ้นศาล แต่สุดท้ายเมื่อหลักฐานไม่แน่นหนาพอมัดตัว ครอบครัวของเด็กจึงแลกความวุ่นวายด้วยการยอมความ เพื่อรับเงินชดเชยจำนวนมากกลับไป

ความหละหลวมของกฎหมายทำให้ John สามารถลักพาตัวเด็กหนุ่มได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งปี 1978 เหยื่อคนสุดท้ายที่ชื่อว่า Robert Philf ที่ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านขายยาหายตัวไปหลังจากวิ่งมาบอกแม่ที่มารอรับว่ามีชายใจดีคนหนึ่งกำลังเสนองานเงินดีให้ ครอบครัว Philf แจ้งความคนหายแต่ไม่มีอะไรคืบหน้า จนทำให้พวกเขาต้องสืบการหายตัวไปของลูกชายด้วยตัวเองและรู้ว่าลูกค้าในร้านขายยาที่เข้ามาคุยกับ Robert คือ John Gacy

ครอบครัว Philf นำข้อมูลที่ได้กลับไปสถานีตำรวจอีกครั้งพร้อมกับขอพบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ คราวนี้โชคเข้าข้างเพราะตำรวจเริ่มฟังเสียงของครอบครัว Rob (เพราะไปหาหลักฐานมาให้ตำรวจเอง) มีเจ้าหน้าที่บางคนที่จำได้ว่า John Gacy เคยถูกแจ้งความเรื่องทำอนาจารเด็กอยู่บ่อย ๆ จึงรับคดีไว้และส่งคนไปยังบ้านของ John

เมื่อมาถึงบ้านของ John Gacy สถานที่ที่เขาใช้ทรมานเหยื่อและฝังร่างเอาไว้ ตำรวจมองเห็นความผิดปกติของเขา ท่าทางของ John เหม่อลอยคล้ายคนเมายา ภายในห้องรับแขกอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นอับเหมือนซากเน่า ทำให้วันถัดมาตำรวจเชิญเขาไปให้ปากคำที่สถานีและจัดการตรวจสอบบ้านอย่างละเอียด พวกเขาพบจู๋เทียม สมุดภาพลามก วิดีโอโป๊เด็ก แท่นกระดานทำมือไว้สำหรับตรึงร่างเหยื่อ แต่กลับไม่พบร่างของ Robert

ตำรวจเชื่อว่า Robert จะต้องเคยมาที่บ้านของ John Gacy อย่างแน่นอน แต่สุดท้ายหลักฐานลามกที่พบก็ยังไม่เพียงพอสำหรับคดีคนหาย ตำรวจใช้เวลาสืบสวน John นาน 24 ชั่วโมง เขาโต้ตอบเจ้าหน้าที่ด้วยการใช้ยากระตุ้นให้ตัวเองไม่หลับจนพ้น 24 ชั่วโมง เมื่อถูกปล่อยตัวเขาซิ่งรถไปรอบเมืองเพื่อยั่วโมโหตำรวจที่สะกดรอยตามมาจากสถานี การถูกจับตามองเป็นสิ่งที่ทำให้ John Gacy สติหลุดและขาดความระมัดระวังตัว

ความจริงที่สั่นสะเทือนทั่วเมืองชิคาโก

จากสุภาพบุรุษสุขุมใจดีเริ่มกลายเป็นชายคลุ้มคลั่ง ความหวาดระแวงที่ครอบงำส่งผลให้ต้องเสพกัญชาหนักขึ้น เริ่มพูดจาเพ้อเจ้อ และท้ายที่สุดลูกน้องในบริษัทรับเหมาของเขาเองได้โทรไปแจ้งความ นี่จึงเป็นอีกครั้งที่ John Gacy ถูกจับไปยังสถานีตำรวจและเจ้าหน้าที่ก็เข้าไปค้นบ้านเขาอีกครั้ง

คราวก่อนที่ตำรวจเข้ามาค้นบ้านแค่บริเวณห้องต่าง ๆ เท่านั้น ครั้งนี้ตำรวจจึงพุ่งความสนใจไปบริเวณรอบ ๆ บ้าน และพบว่าบ้านของ John Gacy มีบ่อบำบัดน้ำอยู่ใต้ดิน ตำรวจลงมือขุดจนก๊าซกับสิ่งปฏิกูลทะลักออกมาตามรอยขุด กลิ่นเน่าเหม็นกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ มีเจ้าหน้าที่หลายคนทนกลิ่นเน่าไม่ไหวจนอาเจียน ส่วนเจ้าหน้าที่ชันสูตรเข้ามาตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในบ่อและพบว่าซากศพจำนวนมากคือต้นตอของกลิ่นเหม็นคลุ้ง ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ในบ่อบำบัดบางร่างมีแค่หัวกะโหลก บางร่างกำลังอยู่ในขั้นตอนการย่อยสลายทำให้ส่งกลิ่น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบเชือกและกางเกงในผู้ชายอยู่ในบ่อด้วย

เมื่อหลักฐานแน่นหนาทำให้ John Gacy ถูกจับกุมข้อหาฆาตกรรม เขาถูกสอบสวนและให้พาไปยังสถานที่อื่นที่เขาใช้ฝังศพทั้งเนินเขาและในโรงรถก็พบหมวกของ Robert เหยื่อรายสุดท้าย ชาวเมืองแทบทุกคนให้ความสนใจกับคดีสะเทือนขวัญเพราะเขาเป็นชายที่มีหน้ามีตาในสังคม ตำรวจสามารถขุดศพที่ฝังอยู่รอบบ้านได้ทั้งหมด 29 ร่าง ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังเป็นปริศนาเพราะ John Gacy บอกว่า

“ใครจะไปจำได้ว่าคนที่ตัวเองฆ่ามีชื่ออะไรกันบ้าง”

ตำรวจไม่ปักใจเชื่อว่าจะมีศพเพียงแค่ 29 ศพเท่านั้น เพราะจากการให้ปากคำของ John เขาบอกว่าบ่อบำบัดใต้บ้านของเขาไม่สามารถยัดร่างเหยื่อทั้งหมดลงไปในบ่อได้แล้ว เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการนำร่างอื่น ๆ ไปทิ้งตามแม่น้ำ และภายหลังตำรวจก็พบร่างของ Robert ขึ้นอืดอยู่ในแม่น้ำ

POGO THE CLOWN

ระหว่างที่ John Gacy ถูกขังในเรือนจำ เขาหมกมุ่นกับการวาดภาพตัวเองในคราบตัวตลก พูดคุยกับคนอื่น ๆ ในคุกไปทั่วเกี่ยวกับตัวตลก เขารู้สึกว่าตัวตลกที่เขาเป็นคือความภาคภูมิใจ ใบหน้าที่แต่งจนหน้าสามารถพาเขาไปสู่โลกอีกใบที่ต้องการได้ ภายใต้ตัวตลกเขากลายเป็นชายอีกคนที่ไม่ได้มีอดีตขมขื่นและมีความสุข ภาพเหมือนตัวตลกจำนวนมากของเขาทำให้สื่อตั้งฉายาว่า “The Killer Clown” ซึ่งภาพส่วนหนึ่งของเขาก็ถูกนำออกมาประมูลด้วย

เขาถูกศาลตัดสินให้มีความผิดจริงฐานฆ่าคนตาย 33 ราย ทนายของ John Gacy พยายามยื่นเหตุผลว่าลูกความของเขากระทำการฆาตกรรมเพราะวิกลจริต แต่คณะลูกขุนก็ยังตัดสินว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่มีความผิดฐานฆ่าคนและตัดสินโทษประหารชีวิต

ความสามารถและความพยายามของทนาย John Gacy ทำให้คดีนี้สามารถยื่นอุทธรณ์ และฎีการวมกันแล้วยาวนานถึง 14 ปี ทั้งที่ควรรับโทษประหารชีวิตก่อนหน้านั้น ลมหายใจที่ยังคงดำเนินต่อในห้องขังถูกใช้อย่างคุ้มค่า John เอาเวลาที่มีวาดภาพตัวตลกทุกวัน รวมทั้งผันตัวเองเป็นนักเขียน ความน่าประหลาดใจระคนขนลุกคือเขามีแฟนคลับที่ติดตามและชื่นชอบ ทั้งยังมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเดินทางมาเยี่ยมเยียนเขาที่คุกเพื่อขอลายเซ็นอีกด้วย

ในที่สุดฉากสุดท้ายของฆาตกรตัวตลกที่สังหารเด็กชายสูงถึง 33 คนก็มาถึง ปี 1994 เขาถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือด อัยการคนหนึ่งที่ร่วมพิจารณาคดีของเขามองว่าการตายของ John แสนสบายถ้าเทียบกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่โดนเขาทรมานและฆ่าทิ้งอย่างไม่ใยดี

ช่องโหว่ของกฎหมายทำให้ความตายของผู้บริสุทธิ์ถูกละเลย สิ่งเหล่านี้คือภาพในอดีตที่ชวนให้รู้สึกหดหู่และสะท้อนความศักดิ์สิทธิ์ไม่มากพอของระบบยุติธรรมในวันวาน john wayne gacy

บทความที่น่าสนใจ